Day: December 14, 2022

Meta Precision Immersion Cooled HDD

• งานวิจัยที่รู้จักครั้งแรกเพื่อทดสอบการระบายความร้อนแบบจุ่มที่มีการควบคุมสำหรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลความจุสูง ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพได้สำเร็จ
• การทำงานที่เงียบอย่างแท้จริงช่วยลดปัญหาการสั่นของเสียงที่เกี่ยวข้องกับระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ
• การนำฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่ปิดผนึกไว้และบรรจุฮีเลียมมาใช้นั้น เป็นการเปิดประตูสู่การระบายความร้อนแบบจุ่มในของเหลวที่มีการควบคุมในชั้นวางอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เมืองเชฟฟิลด์ สหราชอาณาจักร, Dec. 14, 2022 (GLOBE NEWSWIRE) — Iceotope ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการระบายความร้อนแบบจุ่มในของเหลวที่มีการควบคุม ได้ประกาศการวิจัยใหม่ร่วมกับ Meta ที่ยืนยันถึงการใช้งาน ประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ของเทคโนโลยีการระบายความร้อนด้วยของเหลวระดับโครงติดตั้ง เพื่อตอบสนองข้อกำหนดการระบายความร้อนของดิสก์จัดเก็บข้อมูลความจุสูงที่มีการติดตั้งและใช้งานเพิ่มมากขึ้นโดยผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่

งานวิจัยร่วมกับ Meta ที่ตีพิมพ์ล่าสุดบ่งชี้ถึงข้อได้เปรียบจากการจัดการความร้อนที่ดีขึ้น ลดการสั่นสะเทือนและปรับอุณหภูมิให้เท่ากันทั่วทั้ง JBOD ซึ่งส่งผลโดยตรงให้มีอัตราการเสียหายและค่าใช้จ่ายที่น้อยลงแก่ผู้ประกอบธุรกิจศูนย์ข้อมูล ระบบฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่บรรจุในรูปแบบโครงติดตั้งเลื่อนเข้าออกเหมาะสมอย่างยิ่งกับเทคโนโลยีการระบายความร้อนแบบจุ่มในของเหลว

Neil Edmunds ผู้อำนวยการด้านนวัตกรรมของ Iceotope กล่าวว่า “เมื่อความต้องการอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลยังคงสูงขึ้น ความจำเป็นของโซลูชันเพื่อระบายความร้อนให้กับอุปกรณ์อย่างมีประสิทธิภาพโดยผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ก็มากขึ้นตามไปด้วย งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าการระบายความร้อนด้วยของเหลวสำหรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลความจุสูงได้ระบายความร้อนไดรฟ์ได้สำเร็จด้วยอุณหภูมิที่น้อยลงและเสถียรมากขึ้น ทั้งยังมีการเสียหายของไดรฟ์น้อยลง TCO น้อยลง และเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติ ESG มากขึ้น”

การแพร่ขยายของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลความจุสูง
ด้วยกระแสข้อมูลที่เกิดขึ้นจากอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง วิดีโอ ปัญญาประดิษฐ์ และอื่น ๆ อีกมากมาย คาดว่าจะมีข้อมูลมากถึง 463 เอกซะไบต์ที่สร้างขึ้นโดยคนหนึ่งคนในทุก ๆ วัน ภายในปี 2568 วิธีการเข้าถึงและโต้ตอบกับข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบอย่างแท้จริงต่อการประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าว ตามข้อมูลจาก Cybersecurity Ventures ในอีกไม่กี่ปีนี้ มีการคาดการณ์กันว่าอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลทั่วโลกจะมีขนาดเกินกว่า 200 เซตตะไบต์ ซึ่งครึ่งหนึ่งจะได้รับการจัดเก็บไว้ในระบบคลาวด์

ซึ่งแสดงถึงความท้าทายที่มีลักษณะเฉพาะตัวสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดเก็บข้อมูลของศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ ตามข้อมูลจาก Seagate ศูนย์ข้อมูลคลาวด์เลือกฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) แบบความจุสูงเพื่อเก็บข้อมูลของตนกว่า 90% จากปริมาณหลายเอกซะไบต์ ปกติแล้วฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์มีขนาด 3.5 นิ้ว ซึ่งฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์นี้เป็นเทคโนโลยีที่ผ่านการใช้งานและพิสูจน์แล้วว่าได้ผลดี โดยยังคงมอบการจัดเก็บข้อมูลที่คุ้มค่าเงินต่อขนาดงานที่ใหญ่กับผู้ประกอบธุรกิจศูนย์ข้อมูล รุ่นที่มีคุณภาพสูงที่สุดในปัจจุบันมีความจุ 20 เทราไบต์ แต่คาดว่าความจุสูงสุดนี้จะเพิ่มไปถึง 120 เทราไบต์ ภายในสิ้นทศวรรษนี้

การจัดเก็บข้อมูลมากขึ้นก็หมายถึงดิสก์ที่มากขึ้น ความเร็วมอเตอร์ที่สูงขึ้น และหัวอ่านที่มากขึ้น ทั้งหมดนี้หมายความว่าจะต้องมีการใช้พลังงานที่มากขึ้น เมื่อฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ใช้พลังงานมากขึ้น ความร้อนที่เกิดขึ้นก็สูงขึ้นตามไปด้วย การนำฮีเลียมบรรจุใส่ในฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาไม่เพียงแต่ปรับปรุงประสิทธิภาพของฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์โดยไม่ยุ่งยากเท่านั้น แต่ด้วยการปิดผนึกอุปกรณ์ในปัจจุบันนั้นเอง ก็ทำให้หนทางการใช้โซลูชันระบายความร้อนด้วยของเหลวในระบบฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์เปิดออกอีกด้วย

Meta ศึกษาการระบายความร้อนด้วยของเหลวสำหรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลความจุสูง
งานวิจัยเผยให้เห็นระบบจัดเก็บข้อมูลความจุสูงที่ระบายความร้อนด้วยอากาศ ซึ่งจัดโครงสร้างใหม่ให้ใช้ประโยชน์จากการระบายความด้วยการแช่ของเหลวระยะเดียว ระบบจัดเก็บข้อมูลเชิงพาณิชย์มาตรฐานประกอบด้วยฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์เจ็ดสิบสองตัว โหนดซ็อกเก็ตเดี่ยวสองตัว การ์ดขยาย SAS สองตัว NIC และแผงจ่ายพลังงานในรูปแบบ 4OU ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ได้รับการปิดผนึกอย่างมิดชิดและได้รับการเติมฮีเลียม

ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวที่ทดสอบไปคือระบบระบายความร้อนด้วยการแช่ของเหลวเวอร์ชันระบายความร้อนด้วยอากาศ ได้รับการดัดแปลงด้วยการเพิ่มวงจรไดอิเล็กตริกที่เชื่อมต่อกับเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบของเหลวสู่ของเหลวและปั๊ม Meta ดำเนินการวัดความแปรผันของอุณหภูมิทั่วทั้งฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์และกำลังไฟของปั๊มระบายความร้อนในระบบระบายความร้อนด้วยอากาศและระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว

ผลลัพธ์ข้อสรุป
งานวิจัยได้แสดงให้เห็นการระบายความร้อนแบบจุ่มในของเหลวที่มีการควบคุม เป็นวิธีระบายความร้อนให้กับชั้นวางฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า โดยมีผลลัพธ์ดังนี้:

• การใช้การระบายความร้อนแบบจุ่มในของเหลวที่มีการควบคุม ค่าแปรปวนในอุณหภูมิระหว่างฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ทั้ง 72 ตัวนั้นมีเพียง 3 องศาเซลเซียส ไม่ว่าตำแหน่งใน JBOD จะเป็นอย่างไรก็ตาม
• การระบายความร้อนด้วยของเหลวแสดงให้เห็นว่าระบบฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์สามารถทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือในชั้นวางฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่มีอุณหภูมิน้ำเขาเข้าสูงถึง 40 องศาเซลเซียส
• พลังงานที่ใช้ในการระบายความร้อนในระดับระบบน้อยกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณการใช้พลังงานทั้งหมด
• การทำงานที่เงียบอย่างแท้จริงของการระบายความร้อนด้วยของเหลว ช่วยลดปัญหาการสั่นของเสียงที่ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์มักจะพบในโซลูชันการระบายความร้อนด้วยอากาศ

แม้ว่าการจุ่มในของเหลวเป็นทางเลือกที่เหนือกว่าดิสก์อาร์เรย์ความจุสูงที่ระบายความร้อนด้วยอากาศ แต่การระบายความร้อนด้วยของเหลวในรูปแบบอื่น เช่น แผ่นทำความเย็น ถังแช่ของเหลว การแช่ของเหลวสองระยะ ก็ไม่มีการรักษาประโยชน์ในการดำเนินการ เช่น ความจุของฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ การเข้าถึงของผู้ใช้เพื่อความสามารถในการซ่อมบำรุงและความสามารถในการสับเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์แบบด่วนในระดับเดียวกัน

หากต้องการดาวน์โหลดสำเนางานวิจัย กรุณาไปที่ https://www.iceotope.com/company/news-events/iceotope-study-with-meta-reveals-efficiency-of-precision-immersion-liquid-cooling-for-high-density-storage-drives/

เกี่ยวกับ Iceotope
เทคโนโลยีการจุ่มในของเหลวที่มีการควบคุมโครงติดตั้งของ Iceotope มอบแพลตฟอร์มที่เรียบง่ายและครบวงจรที่ทั้งทำความเย็น ปกป้อง และติดตามผลของชุดอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศในทุกสถานที่ ตั้งแต่เทคโนโลยีสุดล้ำหน้าไปจนถึงระบบคลาวด์ขนาดใหญ่

โซลูชันระบายความร้อนแบบจุ่มในเหลวของ Iceotope ใช้น้ำลดลงถึง 96% และลดการใช้พลังงานลดลงถึง 40% และยังลดการปล่อยคาร์บอนลง 40% ต่อ kW ของ ITE อีกทั้งโซลูชันนี้ยังเป็นสิ่งพลิกโฉมในด้านการออกแบบ การสร้าง และดำเนินการของศูนย์ข้อมูล

ไปที่ www.iceotope.com

สามารถดูภาพถ่ายที่ใช้ประกอบการประกาศนี้ได้ที่ https://www.globenewswire.com/NewsRoom/AttachmentNg/6486f5eb-174b-4e32-9a1f-9164cba2fb53 

ข้อมูลการติดต่อ Iceotope
Damien Wells, Spa Communications
e: dwells@spacomms.com
m: +44 (0) 7900 302102

GlobeNewswire Distribution ID 1000772252

Inc.’s 3rd annual list recognizes 241 private companies putting purpose first

New York, NY, Dec. 14, 2022 (GLOBE NEWSWIRE) — [INVNT GROUP] THE GLOBAL BRANDSTORY PROJECT, has been named a winner in the Marketing category of the Inc. 2022 Best in Business list. Inc.’s Best in Business Awards honor companies that have made an extraordinary impact in their fields and on society.

Led by President and CEO, Scott Cullather, [INVNT GROUP] represents a growing portfolio of complementary disciplines designed to help forward-thinking brands everywhere impact the audiences that matter, anywhere. The GROUP consists of modern brand strategy firm, Folk Hero; creative-led culture consultancy, Meaning; production studio & creative agency, HEVĒ; events for colleges and universities, INVNT Higher Ed; digital innovation and Web3 division, INVNT.ATOM; the creative multimedia studio, Hypnogram; and the original live brand storytelling agency, INVNT.

“We’re honored to see our global commitment to impact-driven storytelling recognized by Inc., standing alongside some of the most dynamic companies across a multiverse of industries – each powering and influencing their markets, communities, the environment, and our collective society. We pride ourselves on being a big, small agency charged by a tapestry of creativity, innovation, diverse perspectives, and disciplines; helping us lead organizations towards emerging frontiers of storytelling and community building. We believe in doing great work, and work that does great things,” said Scott Cullather, President, and CEO of [INVNT GROUP].

For this year’s Best in Business List, rather than relying on quantitative criteria tied to sales or funding, Inc.’s editors reviewed the companies’ achievements over the past year and noted how they made a positive difference in the world.

Since launch, [INVNT GROUP] has delivered history-making campaigns for a diverse roster of global brand partners and pro bono causes, leading across creative, strategy, design, content, and marketing communications, including:

• Lamborghini Ultimate : Launched the world’s first 1:1 NFT supercar auction attached to the last physical Lamborghini Aventador Ultimae Coupé, in collaboration with Steve Aoki, Krista Kim, and RM Sotheby’s. INVNT.ATOM led the campaign alongside HEVĒ, who produced video content. This collaboration saw 562 million global media impressions and 587 million social media impressions, with the auction closing at $1.6 Million USD – landing it in the top 10 brand new Lamborghinis ever sold at auction.
• Samsung Galaxy Unpacked Experience : In partnership with Cheil Worldwide, INVNT produced a takeover of Times Square (New York) and Piccadilly Square (London), featuring the world-premiere of a music video by K-pop group, BTS, on large-format billboard followed by a 3-week local, interactive, and experiential popup that averaged 2400 visitors per day, in each city.
• General Motors : After producing GM’s CES 2022 Keynote, featuring Chair and CEO, Mary Barra, INVNT led the ‘Factory Zero’ launch, GM’s first all-electric vehicle facility in Detroit. U.S. President Joe Biden toured the facility and delivered a keynote to the press tied to his administration’s sustainability and worker policy plans. GM commemorated the milestone by ringing the NYSE bell directly from the production floor within the facility, alongside local unions, and the GM community.
• Circles.Life “Be the Main Character” : INVNT broke ground, introducing Australia’s first-ever 3D out-of-home digital experience merging technology and data; turning influencers and consumers into avatars to deliver messages of connection and humanity.
• PepsiCo Expo 2020 Dubai : INVNT designed and built three one-of-a-kind, interactive, and educational pavilions at Expo 2020 Dubai. Each pavilion was designed around core Expo themes of Mobility (The Bolt: Gatorade), Sustainability (The Drop: Aquafina), and Opportunity (The Plus: Pepsi Black + Lays), with the project resulting in 246 million global media impressions. Expo 2020 Dubai was open for 6 months, welcoming over 24 million people.
• Intimissimi : Folk Hero, developed and reimagined the company’s BrandStory, ultimately leading to the launch of INTIMISSIMI’s new global platform and campaign ’The Art of Italian Lingerie’, featuring Heidi Klum and Lena Klum.
• AESPA X Blake Kathryn NFT Collection: Aespa, the globally acclaimed female K-Pop group (and the first group in the metaverse with matching avatars) joined forces with visual and digital artist Blake Kathryn and INVNT.ATOM, to launch an exclusive NFT collection via Sotheby’s. The AEGirls collection marked the world’s first collaboration between a K-pop group and a global NFT artist.

Some of [INVNT GROUP]’s mission-focused Pro Bono work includes:

• Championing ‘Freedom for All’ with Dr. Opal Lee – the grandmother of Juneteenth – resulting in the federal passing of Juneteenth as a national holiday in the U.S., talent representation with Creative Artists Agency (CAA), a Nobel Peace Prize nomination, and strategic partnerships w/ Adidas, Smithsonian, NBC, Sephora, and more.
• Alongside United Talent Agency (UTA), [INVNT GROUP] hosted the ‘Ukraine Solidarity to Action’ fundraising event by BlueCheck Ukraine, a humanitarian aid initiative co-founded by actor/director Liev Schreiber and Jason Cone. The event raised more than $250,000, with funds going directly towards supporting local Ukrainian NGOs and grassroots organizations providing on-the-ground humanitarian assistance to civilians severely impacted by the war.
• HEVĒ partnered with Sunflower Network, a non-profit organization focused on providing direct and essential aid to Ukrainians in need, to present the Sonya exhibition; an online and New York City pop-up charity art gallery and fundraising space exhibiting the work of Ukrainian artists and fundraising towards direct aid to Ukraine. The exhibit brought in over $200,000 in fundraising aid.

Inc.’s honorees were selected in 55 different categories – from advertising to sustainability to retail, and more – and in age-based, revenue-based, size-based, and impact-based categories.

Scott Omelianuk, editor-in-chief of Inc., says, “Inc. magazine is dedicated to showcasing America’s most dynamic businesses and the great things they do. The Best in Business awards shine a light on those that have gone above and beyond their original mission to make a social, environmental, or economic impact, benefiting those around them.”

ABOUT [INVNT GROUP]

[INVNT GROUP] was established as an evolution of the founding global live brand storytelling agency INVNT in 2008, with a vision to provide consistent, meaningful, well-articulated BrandStory across all platforms. With offices in New York, Sydney, London, Singapore, Dubai, San Francisco, Stockholm, Detroit, and Washington D.C.; headed by President and CEO, Scott Cullather, [INVNT GROUP], THE GLOBAL BRANDSTORY PROJECT represents a growing portfolio of complementary disciplines designed to help forward-thinking organizations everywhere, impact the audiences that matter, anywhere. The GROUP consists of modern brand strategy firm, Folk Hero; creative-led culture consultancy, Meaning; production studio & creative agency, HEVĒ; events for colleges and universities, INVNT Higher Ed; digital innovation division, INVNT.ATOM; creative multimedia experience studio, Hypnogram; and the original live brand storytelling agency, INVNT. For more information visit www.invntgroup.com

ABOUT INC.

The world’s most trusted business-media brand, Inc. offers entrepreneurs the knowledge, tools, connections, and community they need to build great companies. Its award-winning multiplatform content reaches more than 50 million people each month across a variety of channels including websites, newsletters, social media, podcasts, and print. Its prestigious Inc. 5000 list, produced every year since 1982, analyzes company data to recognize the fastest-growing privately held businesses in the United States. The global recognition that comes with inclusion in the 5000 gives the founders of the best businesses an opportunity to engage with an exclusive community of their peers, and the credibility that helps them drive sales and recruit talent. The associated Inc. 5000 Conference is part of a highly acclaimed portfolio of bespoke events produced by Inc. For more information, visit www.inc.com.

Jhonathan Mendez de Leon
INVNT GROUP
jmendezdeleon@invnt.com

GlobeNewswire Distribution ID 8714635

The funding will enable SafeAI to scale globally to meet the massive—and growing—demand for off-road autonomy

SANTA CLARA, Calif., Dec. 14, 2022 (GLOBE NEWSWIRE) — SafeAI, a global leader in autonomous solutions for heavy equipment, today announced a $38 million Series B round of funding with key investors including Builders VC, McKinley Management, George Kaiser Family Foundation, and Energy Innovation Capital. Additionally, Moog Inc. joined the round as a strategic investor. SafeAI retrofits construction and mining vehicles with aftermarket hardware and proprietary autonomy software that delivers significant gains in increased worksite productivity, safety and cost savings. The company will use the funding to accelerate their autonomous vehicle technology roadmap, and to scale operations globally to service and deploy their growing customer base.

Heavy industry is an enormous global market. Based on data from Australia Mining Consultancy and Parker Bay Mining, the mining equipment industry alone is valued at close over $18 billion and expected to grow at a 7% CAGR. But, the industry is threatened by productivity inefficiencies, safety issues and delays that derail project timelines and budgets. Autonomy addresses these issues head-on by delivering greater efficiency and 24/7 productivity—yet, less than 5% of mining vehicles worldwide are leveraging it. SafeAI is designed to meet this significant and increasing demand. With its scalable retrofit approach, SafeAI enables off-road heavy equipment owners to convert—not replace—aftermarket vehicles and fleets with autonomous technology, regardless of manufacturer or vehicle type. This scalable approach is critical to supporting accessibility and faster deployment of autonomous technology, and in reducing the barriers to entry to a wider swath of market participants.

“There is a massive opportunity for autonomous technology within heavy industry; we believe SafeAI is the company to lead the charge,” said Mark Blackwell, General Partner at Builders VC. “SafeAI has developed their solution for scale and impact in a highly addressable off-road market that has an immediate need and proven traction. With a solution that is more broadly accessible to the industry, yet still powerful enough for the largest mining companies, SafeAI is set up to deliver industry transformation at scale.”

With the new capital, SafeAI is focused on scaling their global operations team to support their growing customer base and on delivering contractual milestones. In addition, the company will continue advancing development of its industry-leading autonomous technology solution and investing in its developer and engineering teams, with a particular focus on hiring top-tier talent within the autonomous vehicle engineering space, including a Chief Technology Officer to lead the efforts. SafeAI is also expanding its global footprint into new geographies to meet the growing demand for off-road autonomy.

“Moog Inc. is focused on enabling productivity, safety and sustainability when performance really matters. Our autonomy solutions transform equipment into high integrity robots, enabling autonomous operations in challenging environments,” said Joe Baldi, Director of Strategy and Partnerships for the construction sector of Moog Inc. “Through this investment in SafeAI, we can collaborate to accelerate the adoption of autonomy for heavy equipment and help companies across construction and mining realize the benefits to their operations”

The funding comes on the heels of a year of momentous growth for SafeAI, including partnerships with MACA to deploy 100 mining trucks, Siemens on a collaboration for vehicle electrification and autonomy, and Obayashi Corporation on developing solutions for construction. SafeAI has also continued to expand its staff within the U.S., Australia, Japan and India, more than doubling its headcount in 2022 to over 90 people. Additionally, the company grew its executive team this year to spearhead the next chapter of growth with new hires Anil Rachakonda, Senior Vice President (SVP) of Strategy & Partnerships, Sudhanshu Singh, Senior Vice President (SVP) of Global Operations, and Rob Song, Chief Financial Officer.

“Autonomy has existed in mining for more than two decades—but its growth has stalled when it needed to skyrocket. I founded SafeAI to change that,” said Bibhrajit Halder, founder and CEO at SafeAI. “We’ve designed a flexible, interoperable, scalable retrofit model to enable companies across heavy industry to uplevel their operations. The mining industry has been successfully implementing Autonomy on a limited scale for years. Our approach is purpose-built to finally accelerate autonomous accessibility and deployment on a significant scale. This funding is just the beginning of our next chapter of expansion and growth.”

Existing investors Autotech Ventures, Brick & Mortar Ventures, Embark Ventures, Newlab, and Vimson Group also invested in the new round of funding. To learn more about SafeAI, visit www.safeai.ai. To join SafeAI’s growing team, visit https://safeai.ai/careers/.

About SafeAI
SafeAI is a global autonomous solutions provider for heavy equipment leaders focused on advancing modern industry. SafeAI retrofits heavy equipment for autonomous applications in mining and construction to serve a massive ecosystem of industry players with complex needs. SafeAI enables equipment owners to transform existing machines into self-operating robotic assets with aftermarket hardware, advanced, proprietary autonomous technology and a scalable framework for deployment. SafeAI is headquartered in Santa Clara, CA and has offices in Perth, Australia, Tokyo, Japan and Delhi, India.

Contact
LaunchSquad for SafeAI
safeai@launchsquad.com

GlobeNewswire Distribution ID 8714004

Basseterre, Dec. 14, 2022 (GLOBE NEWSWIRE) — Michael Martin has been appointed to take the helm at St Kitts and Nevis’ Citizenship by Investment Unit and lead the evolution of the country’s investment migration programme.

The twin-island nation is on a drive to enhance its Citizenship by Investment Programme, so it continues to be the benchmark of the global investor immigration industry.

The Prime Minister welcomed Martin at an event at the Citizenship by Investment Unit and expressed his excitement as Martin’s appointment, which comes at a time when the country is evolving its Citizenship by Investment Programme so that it not only attracts intelligent investors but benefits local citizens as well.

The Prime Minister also expressed his confidence in Martin who has been described as the perfect candidate to help the nation realise its goal of providing a programme that will uplift the Kittitian and Nevisian society through beneficial investment options that bring tangible value, while also offering an enriching base to international investors.

At the briefing, the new Head of the Citizenship by Investment Unit thanked the Prime Minister for trusting him with “this very important assignment” and expressed his excitement about taking on the new task.

Martin also stated that a situational analysis would be conducted to assess the status of the Unit and determine the best way forward to “maximize efficiency and effectiveness”.

“This is an operation that is very important to the development of the country, and to the people of the country. We will have to rebrand and refocus the programme, define our strategic goals, and create some new investment options that would be aligned to those strategic goals. ”

The Citizenship by Investment Programme is expected to undergo a complete evolution. Martin spoke of the strategic plans he has in store for the Unit and reiterated that the focus is on advancing the country. “We will be looking at emerging markets and redefining our target client. There must be some exclusivity to it,” he added.

St Kitts and Nevis welcomed a new administration in August that is working tirelessly to revamp the country’s citizenship by investment programme. Now, in the third iteration of its evolution, after four decades of erudition and development, St Kitts and Nevis administration is using creativity and boldness to ensure that the programme transcends to the modern age; and that the security infrastructure is enhanced and strengthened.

A local Kittian, Martin has strong financial acumen and brings a wealth of experience in strategic planning and compliance. He is touted as being the man to bring greater stability to the CBI Unit which will now have more legislative and administrative oversight.

Martin’s past experience as a service provider in the investment migration industry and his local roots make him the right candidate to understand what our external stakeholders require from us as well as knowing how we can use this programme to uplift our people.

Martin will lead a team of efficient and focused experts who will ensure that the programme increases processing efficiency and accuracy while also maintaining strong due diligence processes so that only investors of the highest calibre are accepted.

St Kitts and Nevis’ Citizenship by Investment Programme will be underpinned by three fundamental principles including sustainability, good governance and pragmatism.

The enhanced Citizenship by Investment Programme has been crafted under a sustainable model that will ensure that St Kitts and Nevis continues to be the envy of the international community by injecting high levels of integrity and administrative improvements.

The Programme is to be structured to allow for greater transparency and accountability, which make the hallmarks of a good governance framework that solidifies the foundation of any successful Citizenship by Investment Programme.

Investment options are to be tailored to align with market realities while preserving the platinum brand St Kitts and Nevis has developed and nurtured for four decades, operating the oldest Citizenship by Investment programme in the world.

Martin has served in top management positions in several companies, including the National Caribbean Insurance Company, National Bank Trust Company, and Sagicor Life Inc. He was previously a director of the Insurance Association of the Caribbean, Honorary Secretary of the Brimstone Hill Fortress National Park Society Council of Management, and director for First Federal Cooperative Credit Union.

He holds a graduate diploma from the International Compliance Association and Manchester Business School, a certificate in International Trust Management from the Society of Trust and Estate Practitioners and a certificate in Managing Financial Services from the University of the West Indies.

St Kitts and Nevis Citizenship by Investment programme was founded in 1984 and remains one of the most sought-after programmes of its kind in the world. The programme continues to be one of the most awarded, having taken the top spot in the CBI Index, a comprehensive ranking system that evaluates operational citizenship by investment programmes around the world.

St Kitts and Nevis programme continues to be underpinned by a strong multi-layered due diligence process in partnership with top due diligence firms from the United Kingdom and the United States.

PR St Kitts and Nevis
Government of St. Kitts and Nevis
mildred.thabane@csglobalpartners.com

GlobeNewswire Distribution ID 8714576

National lender selects CompenSafe to improve incentive compensation administration and communication

LEHI, Utah, Dec. 14, 2022 (GLOBE NEWSWIRE) — SimpleNexus (https://simplenexus.com/), an nCino (NASDAQ: NCNO) company and developer of the leading U.S. homeownership platform for loan officers, borrowers, real estate agents and settlement agents, today announced that CrossCountry Mortgage is implementing CompenSafe to manage incentive compensation for its loan originators.

CrossCountry Mortgage is one of the nation’s largest retail mortgage lenders, operating a network of approximately 800 branch locations across all 50 states. The organization selected CompenSafe, the only incentive compensation management (ICM) solution designed for mortgage lenders, to provide staff with near real-time visibility into their pay and to automate complex payroll functions associated with managing mortgage compensation plans.

CompenSafe integrates with lenders’ loan origination systems (LOS’s) to automatically calculate compensation as loans fund. Flexible enough to process draws, guarantees, tiers, quality-related payments and more, the platform enables lenders to reliably produce payroll more quickly and accurately than spreadsheet-based incentive compensation management methods. CompenSafe gives loan officers, branch managers, processors, underwriters and all employees greater transparency into their commissions, bonuses and overrides by outlining how compensation is calculated and when it will be dispersed. A cloud-based portal enables employees to view compensation updates, submit questions to payroll and manage compensation disputes, all in one place for complete audit and compliance.

“Incentive compensation is the largest expense in lenders’ ledgers, and it is also one of the most burdensome to manage,” said Ben Miller, CEO of SimpleNexus. “CompenSafe is a value-add that helps lenders like CrossCountry Mortgage recruit and retain key employees, eliminate cumbersome administrative processes, mitigate risk and protect their bottom lines.”

About SimpleNexus
SimpleNexus, an nCino (NASDAQ: NCNO) company, is an award-winning developer of mobile-first technology for the modern mortgage lender. U.S. lenders depend on our namesake homeownership platform to unite the people, systems and stages of the mortgage process into a seamless, end-to-end solution that spans engagement, origination, closing and business intelligence. By helping lenders manage their teams and stay connected with borrowers and real estate professionals, we deliver a measurable return on investment in the form of reduced turn times, increased loan application submissions and more referral business. A four-time Inc. 5000 company, SimpleNexus has been recognized as one of the world’s Best Workplaces for Innovators. For more information, visit https://www.simplenexus.com or follow @SimpleNexus.

Media Contacts
Leslie Colley
DepthPR for SimpleNexus
+1 678.622.6229
leslie@depthpr.com

David Bolin
SimpleNexus
+1 414.688.6077
dbolin@simplenexus.com

Safe Harbor Statement
This press release contains forward-looking statements within the safe harbor provisions of the Private Securities Litigation Reform Act of 1995. Forward-looking statements generally include actions, events, results, strategies and expectations and are often identifiable by use of the words “believes,” “expects,” “intends,” “anticipates,” “plans,” “seeks,” “estimates,” “projects,” “may,” “will,” “could,” “might,” or “continues” or similar expressions. Any forward-looking statements contained in this press release are based upon nCino’s historical performance and its current plans, estimates, and expectations, and are not a representation that such plans, estimates, or expectations will be achieved. These forward-looking statements represent nCino’s expectations as of the date of this press release. Subsequent events may cause these expectations to change and, except as may be required by law, nCino does not undertake any obligation to update or revise these forward-looking statements. These forward-looking statements are subject to known and unknown risks and uncertainties that may cause actual results to differ materially including, among others, risks and uncertainties relating to the market adoption of our solution and privacy and data security matters. Additional risks and uncertainties that could affect nCino’s business and financial results are included in reports filed by nCino with the U.S. Securities and Exchange Commission (available on our web site at www.ncino.com or the SEC’s web site at www.sec.gov). Further information on potential risks that could affect actual results will be included in other filings nCino makes with the SEC from time to time.

GlobeNewswire Distribution ID 8714144